Latest, โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

โรคเกล็ดเลือดสูงผิดปกติ (Thrombocytosis)

สวัสดีครับคุณหมอ
คุณหมอเป็นอาจารย์ผมทางยูทูป ให้ความรู้ดีมาก ผมเป็นโรคเกล็ดเลือดสูง เคยวูปไปครั้งหนึ่ง แล้วต่อมามึนหัวประจำ ตอนอายุ60ปี ต่อมาไปตรวจเลือด เกล็ดสูง 2.2 ล้าน ผลเลือดอย่างอื่นก็ใช้ได้ ปกติสุขภาพดี แต่เครียดบ่อย และกินน้ำน้อย(น่าเป็นสาเหตุสำคัญของโรคนี้) ปัจจุปันอายุ66 สูง172หนัก52 (ก่อนป่วย56)ความดันประมาณ90-110 ตัวล่าง65-70หัวใจ55-75 เกล็ดเลือดประมาณ 5 แสนกว่า รักษาทั้งแพทย์ร.พ.และแพทย์ทางเลือก (ผมชอบแพทย์ทางเลือกที่ไม่ใช้ยาเคมีมากกว่า)โรคนี้เป็นกันน้อย หาคุณหมอที่รู้จริงยากมาก กินมังสะวิรัส วิ่งช้าๆ30-50นาที เกือบทุกวัน รำกระบองอีก5-10นาที ยึดหลักอาหารสุขภาพ อารมณ์ดี (ไม่เครียด ลูกเป็นออทิสติก ต้องดูแลด้วย แม่บ้านเสียแล้ว) ออกกำลังกาย ขับถ่ายทุกวัน นอนหลับดี 6-7ช.ม. ถ้าว่างผมจะดูยูทูปสูขภาพ & ธรรมะเสมอ พยายามปล่อยวาง นึกถึงความตายว่าใกล้เขามาทุกวัน ทำบุญให้มูลนิธิตามร.พ.มากกว่าไปวัด ไม่ว่าทุกข์หรือสุข เดี๋ยวมันก็จากไป โควิด19 หรือโรคต่างๆ ผมว่าอาจตายน้อยกว่าอุบัติเหตุทั้งหลายก็ได้ เราไม่ควรทุกข์ร้อนเกินไป จริงไหมครับคุณหมอ ถ้าคุณหมอจะแนะนำเพิ่มเติมเรื่องเกล็ดเลือดสูงด้วยก็ยินดีมากครับ

……………………………………………………………………………..

ตอบครับ

มีอีกสองสามท่านเขียนมาถามเรื่องเดียวกัน บางท่านบอกว่าเจาะไขกระดูกแล้วไม่พบอะไรผิดปกติจึงยิ่งทุกข์กังวล ผมขอรวบตอบพร้อมกันเลยนะครับ

โรคเกล็ดเลือดสูงผิดปกติ (thrombocythemia) คืออะไร

คือภาวะที่จำนวนเกล็ดเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้นสูงกว่าปกติ (>450,000 ตัวต่อลบ.มม.) ซึ่งยังต้องวินิจฉัยแยกย่อยออกไปตามสาเหตุอีกสองกลุ่ม คือ

สาเหตุของโรค

โรคเกล็ดเลือดสูงเกินมีได้สองแบบ

  1. แบบปฐมภูมิ คือเกิดจากการผลิตเกล็ดเลือดในไขกระดูกเพิ่มขึ้นเอง (primary thrombocytosis)
  2. แบบทุติยภูมิ คือเป็นโรคอื่นแล้วโรคเหล่านั้นทำให้เกล็ดเลือดสูงขึ้น เพราะเกล็ดเลือดนี้เป็นด่านหน้าของการสนองตอบต่อสิ่งเร้าอย่างหนึ่งของร่างกาย พอเกิดโรคเช่น ติดเชื้อ อักเสบ เลือดออก มะเร็งเม็ดเลือดขาว (CLL, CML) ไขกระดูกเสื่อม เม็ดเลือดแดงมากเกิน และโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น ก็จะทำให้เกล็ดเลือดสูงขึ้นแบบทุติยภูมิ เรียกว่า secondary thrombocytosis ปกติแพทย์จะพยายามแยกแยะว่าเป็นแบบไหนก่อนการรักษา เพราะหากเป็นแบบทุติยภูมิก็ต้องไปรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุก่อนแล้วเรื่องถึงจะจบได้

อาการโรคเกล็ดเลือดสูง

30% ของผู้ป่วยโรคนี้มักไม่มีอาการ แต่พบโรคนี้จากการตรวจเลือด สำหรับผู้ที่มีอาการ จะมีอาการได้ 3 แบบ คือ

  1. อาการจากการอุดตันหลอดเลือดเล็กๆ เช่น ปวดปลายนิ้ว นิ้วเขียว หรือนิ้วปวดแสบปวดร้อนและบวมแดง (erythromelagia) ซึ่งอาการจะหายไปเมื่อกินยาแอสไพริน
  2. อาการจากการอุดตันหลอดเลือดใหญ่ เช่นอัมพาตเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ลิ่มเลือดอุดปอด เป็นต้น
  3. อาการเลือดออกง่าย เช่น มีรอยจ้ำเขียวใต้ผิวหนังบ่อยๆ หรือเลือดออกทางปาก จมูก กระเพาะ ลำไส้
  4. อาการทางระบบประสาท เช่น ปวดหัว ชา อัมพฤกษ์ วิงเวียน บ้านหมุน เป็นลมหมดสติ ตาพร่า ชัก เป็นต้น

การสืบค้นเพื่อช่วยวินิจฉัย

แบ่งเป็นสี่ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนที่ 1. ตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) หากมีเกล็ดเลือดมากกว่า 450,000 ตัวต่อลบ.มม.ก็วินิจฉัยว่าเป็นเกล็ดเลือดสูง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ

ขั้นตอนที่ 2. เจาตรวจไขกระดูก หากพบเซลตัวแม่ของเกล็ดเลือด (megakaryocytes) เพิ่มมากขึ้นก็แสดงว่าเป็นโรคเกล็ดเลือดเพิ่มสูงแบบปฐมภูมิ

ขั้นตอนที่ 3. ตรวจหายีนผิดปกติ (mutated) ที่ทำให้เกิดโรคนี้ชื่อ JAK2, CALR, หรือ MPL หากพบก็ช่วยบอกว่าเกล็ดเลือดต่ำแบบปฐมภูมิ เพราะ 90% ของผู้ป่วยมักมียีนผิดปกติเหล่านี้

ขั้นตอนที่ 4. ทำการสืบค้นอื่นๆเพื่อหาโรคที่อาจเป็นสาเหตุให้เกล็ดเลือดสูง เช่น ติดเชื้อ อักเสบ เลือดออก มะเร็งเม็ดเลือดขาว (CLL, CML) ไขกระดูกเสื่อม เม็ดเลือดแดงมากเกิน และโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น

การรักษา

  1. ถ้าพบโรคที่เป็นสาเหตุของเกล็ดเลือดสูงแบบทุติยภูมิ เช่น ติดเชื้อ อักเสบ เลือดออก เป็นมะเร็ง โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ม้ามโต หรือตัดม้ามมา เป็นต้น ก็ทำการรักษาโรคต้นเหตุก่อน แล้วเกล็ดเลือดจะลดลงมาปกติเอง
  2. ถ้าไม่มีอาการ และไม่พบโรคอื่น ก็ไม่ต้องรักษาอะไร แค่ติดตามดูเชิงไปด้วยการเจาะเลือดดูทุกปี เฝ้าดูว่าม้ามโตขึ้นหรือเปล่า ยกเว้นถ้าเกล็ดเลือดสูงกว่า 1 ล้านตัวต่อลบ.มม. ก็เป็นประเพณีนิยมว่าควรให้กินแอสไพริน (65 มก.ต่อวัน) เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด ส่วนการให้ยากดไขกระดูกเพื่อลดการสร้างเกล็ดเลือดนั้น ไม่ได้ประโยชน์มากไปกว่าให้แอสไพรินอย่างเดียว
  3. ถ้าโรคเป็นมากถึงระดับมีอาการรุนแรง แพทย์อาจให้ยากดการสร้างเกล็ดเลือด เช่นยา hydroxyurea และยา anagrelide ยาเหล่านี้มีข้อเสียคือให้กินแล้วมักจะต้องกินกันต่อไปไม่สิ้นสุดและมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์มาก ในรายที่รุนแรงมากอาจใช้มาตรการฉุกเฉินเป็นครั้งคราวโดยถ่ายเอาเลือดออกมาแยกเอาเกล็ดเลือดทิ้งแล้วเอาเลือดที่เหลือใส่กลับคืนให้ใหม่ (plateletpheresis)

ในภาพรวมโรคเกล็ดเลือดสูงเป็นโรคที่มีคนเป็นกันน้อยมาก เรียกว่าเป็นโรคลึกลับหายาก และยังไม่มีวิธีรักษาจำเพาะ แต่ผมพอให้ข้อมูลให้อุ่นใจได้อย่างหนึ่งว่างานวิจัยอัตรารอดชีวิตในสิบปีของคนเป็นโรคนี้มีอัตรารอดชีวิตได้ถึง 80% ซึ่งก็ใกล้เคียงกับคนปกติ ดังนั้นคนเป็นโรคนี้ไม่ต้องไปวิตกกังวลถึงอนาคตมากเกินไป

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

  1. Tefferi A, Barbui T. Polycythemia vera and essential thrombocythemia: 2017 update on diagnosis, risk-stratification, and management. Am J Hematol. 2017 Jan. 92 (1):94-108.
  2. Lee HS, Park LC, Lee EM, Lee SJ, Shin SH, Im H, et al. Incidence Rates and Risk Factors for Vascular Events in Patients With Essential Thrombocythemia: A Multicenter Study From Korea. Clin Lymphoma Myeloma Leuk. 2011 Nov 14.
  3. Shrestha R, Giri S, Pathak R, Bhatt VR. Risk of second primary malignancies in a population-based study of adult patients with essential thrombocythemia. World J Clin Oncol. 2016 Aug 10. 7 (4):324-30.
  4. Yogarajah M, Tefferi A. Leukemic Transformation in Myeloproliferative Neoplasms: A Literature Review on Risk, Characteristics, and Outcome. Mayo Clin Proc. 2017 Jul. 92 (7):1118-1128.
  5. Tefferi A, Fonseca R, Pereira DL, Hoagland HC. A long-term retrospective study of young women with essential thrombocythemia. Mayo Clin Proc. 2001 Jan. 76(1):22-8.
  6. Godfrey AL, Campbell PJ, MacLean C, et al. Hydroxycarbamide Plus Aspirin Versus Aspirin Alone in Patients With Essential Thrombocythemia Age 40 to 59 Years Without High-Risk Features. J Clin Oncol. 2018 Aug 28. JCO2018788414.