Latest

วิธีกิน Ivermectin ป้องกันและรักษาโรคโควิด

ขอปรึกษาค่ะ

ว่าคนเป็นหลอดเลือดในสมองตีบ ต้องทานแอสไพริน 81 มก. และมีความเครียดสูง จนหมอสมองที่รักษาให้ทานยาคลายเครียด (ต้านซึมเศร้า Desirel 50 mg x 2) ทุกคืน ถ้ายังนอนไม่หลับ ให้ทานยานอนหลับ (Ativan 0.5 mg. ตัวนี้หมอไม่แนะนำถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องทาน เพราะมีผลต่อสมอง แต่ก็ต้องทานเกือบช่วงเช้าหรือช่วงเช้า ทุกวันเพราะ Desirel ทำให้หลับไม่กี่ช.ม. นอนไม่พอ) จะสามารถทาน Ivermectin เพื่อป้องกันและรักษาโควิดได้หรือไม่ จะมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่คะ 
ถ้าทานได้ ควรทานในโดสเท่าไรคะ ตอนนี้น้ำหนักต่ำกว่า 50 กก. แน่ ๆ  แต่ไม่มีโอกาสชั่งค่ะ ถ้าถามหมอที่รักษาเราอยู่คงไม่ให้ทาน  Ivermectin แน่ ๆ

……………………………………………………………..

ตอบครับ

1.. ถามว่าอยากกินยาไอเวอร์เมคตินป้องกันหรือรักษาโควิดดีไหม ตอบว่าดีครับ ถ้ามองจากข้อมูลวิทยาศาสตร์ใหม่ๆที่โผล่มาให้เห็นตอนนี้ผมประเมินว่าไอเวอร์เมคตินรักษาโควิดแล้วได้ผลลดอัตราตายได้ค่อนข้างชัดเจน ราคาก็ถูก (ยกเว้นในเมืองไทย) ผลข้างเคียงก็น้อย หมายความว่ามีความปลอดภัยสูงเพราะเป็นยาเก่าใช้กันมานาน

แต่ถามว่าทำไมไอเวอร์เมคตินถึงถูกจับดองในเมืองไทย หิ..หิ ผมโนคอมเมนต์ ถ้าคุณสังเกตก็จะเห็นว่าผมพยายามไม่ตอบคำถามเรื่องไอเวอร์เมคติด ผมเพิ่งตอบคุณเป็นคนแรกทั้งๆที่มีคนถามมาแยะ เพราะแค่ผมพูดถึงฟ้าทลายโจรอย่างเดียวผมก็อ่วมแล้ว ถ้าผมเปิดแนวรบไอเวอร์เมคตินอีกด้านหนึ่งตัวผมอาจจะถูกตื๊บแบนได้ ดังนั้นผมเงียบดีกว่า

2.. ถามว่าถ้าจะกินไอเวอร์เมคติดต้องกินขนาดเท่าใด ตอบว่าต้องแยกเป็นสองกรณีนะ ในการกินป้องกัน งานวิจัยที่อินเดียให้ 300 ไมโครกรัม/กก.ต่อครั้งกินสองครั้งห่างกัน 72 ชม. เพื่อการป้องกันโรคนานหนึ่งเดือน

ส่วนการใช้รักษา มีงานวิจัยแยะมากใช้หลายขนาด งานวิจัยหนึ่งที่บังคลาเทศใช้ 150 ไมโครกรัม/กก.ต่อครั้ง อีกงานวิจัยหนึ่งที่อิหร่านใช้ 200 ไมโครกรัมต่อกก.ต่อครั้ง งานวิจัยในหลายๆประเทศใช้ 300 ไมโครกรัม/กก.ต่อครั้ง วิธีกินก็หลากหลาย บางงานวิจัยกินครั้งเดียว บางงานสองครั้งห่างกันสามวัน บางงานสามครั้งในวันที่ 1, 3, 5 ที่เม็กซิโกเอาใส่กล่องแจกถึงบ้านให้กินในขนาด 12 มก./คน/ครั้ง กิน 2 ครั้ง คุณชอบแบบไหนก็เลือกเอา ไม่มีใครรู้หรอกว่าโด้สแบบไหนดีกว่าแบบไหน

ยกตัวอย่างเช่นคุณน้ำหนักตัว 50 กก. หากคุณเลือกโด้ส 200 ไมโครกรัมคุณก็ต้องกิน 10,000 ไมโครกรัม (10 มก.ต่อครั้ง) ในเมืองไทยนี้ยาที่มีขายขนาดเม็ดละ 6 มก. คุณก็ต้องกินประมาณครั้งละเม็ดครึ่งหรือสองเม็ด จะครั้งเดียว สองครั้ง สามครั้ง เลือกเอาเอง แล้วแต่ชอบ

3.. ถามว่าไอเวอร์เมคตินมีพิษภัยอะไรมากไหม ตอบว่ายานี้ปลอดภัยมาก มันเป็นยาเก่าสมัยผมเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว ใช้ไปแล้วทั่วโลกเป็นพันล้านโด้สมีรายงานคนตายไว้แค่ 16 คนซึ่งส่วนใหญ่ตายเพราะพยาธิไม่ใช่ตายเพราะยา เทียบกับยาต้านไวรัสตัวอื่นที่ใช้รักษาโควิดด้วยกันแล้วยานี้ปลอดภัยกว่าหลายร้อยเท่า

4.. ข้อนี้ไม่ใช่ตอบคำถาม แต่ผมขอย้ำนิดหนึ่งนะว่าไอเวอร์เมคตินไม่ใช่ยามาตรฐานในการรักษาโรคโควิดของวงการแพทย์ไทย ไม่มีคำแนะนำเวชปฏิบัติ (guideline) ของสมาคมวิชาชีพใดๆแนะนำให้ใช้ไอเวอร์เมคตินรักษาโควิด และอย.เองก็ไม่ได้อนุมัติให้ใช้ยานี้รักษาโรคโควิด หากจะถือตามกฎหมายเคร่งครัดแล้วในเมืองไทยยานี้ได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาโรคพยาธิ strongyloides ได้เพียงโรคเดียวเท่านั้นโรคอื่นห้ามใช้ แม้แต่จะใช้รักษาหิดเหายังไม่ได้เลย แต่ว่าแพทย์ไทยนิยมใช้รักษาหิดเหามาตลอดโดยใช้แบบใช้ใต้โต๊ะ (off label) ซึ่งพูดแบบบ้านๆก็คือเป็นการใช้แบบตะแบงใช้ ซึ่งอย.ก็ทำอะไรแพทย์ไม่ได้เพราะตามกฎหมายแพทย์มีอำนาจใช้ดุลพินิจให้ยาที่อย.อนุมัติมาไปรักษาโรคอะไรก็ได้แม้อย.จะไม่อนุมัติให้ใช้รักษาโรคนั้นก็ตาม แต่ถึงจะมีอำนาจใช้แพทย์ส่วนใหญ่เขาก็ไม่ชอบทำอะไรห่าม เขามักจะทำตามคำแนะนำเวชปฏิบัติของสมาคมวิชาชีพที่เขาสังกัดอยู่ซึ่งยังไม่มีสมาคมไหนแนะนำให้ใช้ไอเวอร์เมคตินรักษาโควิด

แต่ว่าคุณถามมาผมก็ตอบให้ เพราะผมเป็นแพทย์ที่ห่าม ผมแนะนำคุณโต้งๆว่าผมประเมินหลักฐานในภาพรวมแล้วไอเวอร์เมคตินเป็นยาที่ใช้รักษาโควิดได้ผลดีตัวหนึ่ง บอกขนาดและวิธีกินให้ด้วย วิธีนี้ไม่มีหมอคนไหนที่สติยังดีอยู่เขาทำกันดอก เพราะถ้าคุณไปกินตามที่ผมบอกแล้วชักแด๊กๆตายแล้วญาติคุณไปฟ้องศาล มีหวังผมถูกตื๊บทันที หิ..หิ

อ้าว แล้วทำไมหมอสันต์แก่แล้วยังทำตัวห่ามละ ไหนๆก็พูดแล้วพูดต่อซะเลยนะ ว่าไม่ใช่ผมคนเดียวนะครับที่เซ็งกับกระบวนการจัดการโรคโควิดในบ้านเรา แพทย์จำนวนมากก็เซ็งเหมือนกัน คือตอนนี้ทั่วโลกกำลังจะแห่กันเปลี่ยนแนวทางจัดการโรคโควิดจากโรคระบาดระดับโลก (pandemic) มาเป็นแบบโรคท้องถิ่น (endemic) พูดๆง่ายๆว่าจะเลิกล็อคดาวน์ เมืองไทยก็คงทำตามเขา ในช่วงแรกของการเปลี่ยนยุทธศาสตร์นี้มันจะมีจำนวนผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นพักหนึ่ง ซึ่งหากจะไม่ให้ผู้ป่วยไปล้นโรงพยาบาลอีกรอบมันก็ต้องเตรียมการวางแผนฆ่าไวรัสเสียตั้งแต่ต้นมือ หมายถึงการใช้ยาตั้งแต่อยู่นอกโรงพยาบาล แต่ผมดูกระบวนการหาหมอจ่ายยาของเราทุกวันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเราจะฆ่าไวรัสเสียตั้งแต่ต้นมือได้ทันหรือไม่ ถ้าไม่ทันก็หมายถึงคนไข้จะล้นโรงพยาบาลอีกรอบ ดังนั้นผมเห็นว่าการจะฆ่าไวรัสแต่ต้นมือได้ทันมันเหลือวิธีเดียว คือการสนับสนุนให้ประชาชนรักษาตัวเองโดยปล่อยให้มีการค้าขายยาสามตัวต่อไปนี้อย่างเสรีเหมือนค้ากะปิค้าข้าวสาร ใครใคร่ค้า..ค้า ใครใคร่กิน..กิน แต่ถ้าเขาไม่เปิดให้ค้าอย่างเสรี หากเข้าตาจน ท่านก็หายากินรักษาชีวิตตัวเองเอาเองตามมีตามเกิดก็แล้วกัน โดยผมจะบอกขนาดและวิธีกินไว้ให้ดังนี้

(1) ฟ้าทลายโจร กินในขนาด 180 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อคนต่อวัน กินนาน 5 วัน (ยานี้มีแอนโดรกราฟโฟไลด์แคปซูลละ 4-20 มก. แล้วแต่ยี่ห้อและวิธีการผลิต ต้องดูฉลากให้ดี) หรือ

(2) Ivermectin กินในขนาด 150-300 ไมโครกรัม/กก./ครั้ง กินวันละ 1 ครั้ง กินรวมทั้งหมด 1-3 ครั้งในเวลา 5 วัน หรือหากจะกินแบบเหมาโหลแบบที่เขาแจกกันในเม็กซิโกก็กินวันละ 12 มก./คน/ครั้ง กินทั้งหมด 2 ครั้ง (ยานี้ในเมืองไทยเม็ดละ 6 มก.) หรือ

(3) Favipiravir เม็ดละ 200 มก. วันที่ 1 กินครั้งละ 9 เม็ด (1800 มก.) วันละ 2 ครั้ง วันที่ 2-5 กินครั้งละ 4 เม็ด (800 มก.) วันละ 2 ครั้ง

เนื่องจากในตลาดท่านพอหาได้แค่สองตัวแรกเท่านั้น ส่วนตัวที่สามท่านหาไม่ได้หรอกเพราะเขาผูกขาด ดังนั้นหากคนไข้ล้นโรงพยาบาลอีกรอบ ถ้าท่านมีอาการอะไรก็ตามที่สงสัยว่าตัวเองจะติดโรคโควิด ให้ท่านรักษาตัวเองด้วยยาฟ้าทลายโจรหรือไอเวอร์เมคตินตัวใดตัวหนึ่งไปเลย ในกรณีที่ท่านไปสัมผัสใกล้ชิดคนเป็นโรคมาแล้วแน่ชัด แม้จะยังไม่ทันมีอาการ ถ้าท่านยังไม่ได้วัคซีนกับเขาเลยสักเข็มผมก็แนะนำว่าให้กินฟ้าทลายโจรหรือไอเวอร์เมคตินตัวใดตัวหนึ่งไปเลย ยาสองตัวนี้ปลอดภัย คุ้มมากกว่าที่จะไปเสี่ยงเป็นโรคขณะไม่มีโรงพยาบาลให้เข้าอย่างแน่นอน

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์