Latest

ไม่ใช่โรคของจังหวะการเต้น ไม่ใช่ของลิ้น ไม่ใช่ของกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ของหลอดเลือด แต่เป็น..

(ภาพวันนี้: สวนดอกไม้กลางตลาดมวกเหล็ก)

สวัสดีครับ คุณหมอที่นับถือ

ผมขออนุญาตแจ้งข้อมูลส่วนตัวดังนี้ครับ 

1. ผมอายุ 41 ปี เป็นวิศวกร … น้ำหนัก 63 kg  ส่วนสูง 173 cm มีพุง แต่วัดไม่เกิน 85 cm ออกกำลังกายบ้าง หยุดบ้าง เมื่อก่อนส่วนใหญ่วิ่ง แต่ช่วงหลังเปลี่ยนมาเล่น body weight หรือ calisthenics workout ตรวจสุขภาพล่าสุด มีไขมันในเลือดสูง LDL 198 cholesterol 256 HDL 53 Triglyceride 69 อันที่จริงผมมีเรื่อง cholesterol เกิน 200 มาหลายปีแล้ว แต่ LDL เพิ่งมาเกิน 130 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตัดสินใจปรึกษาคุณหมอหัวใจ ก็เลยให้ทานยาลดไขมัน simvastatin 20 mg วันละ 1 เม็ด ทานมาได้ 7 เดือนแล้ว ผลปรากฏค่าต่างๆ ดีขึ้นมาก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ครับ

2. เมื่อช่วงประมาณ 4 ปี ก่อน ผมมีอาการใจสั่น บ่อย ตื่นเต้น การนอนไม่มีคุณภาพ คือ หลับได้ แต่ตื่นกลางดึกแล้วก็ไม่หลับเลย ไปตรวจมาหลายอย่าง สุดท้ายไปพบจิตแพทย์ ผมเป็น panic กินยา escitalopram 10 mg วันละ 1 เม็ด อาการดีขึ้นตามลำดับ ทุกวันนี้ ผมก็ยังกินอยู่แต่เหลือวันละครึ่งเม็ด ครับ

3. จากข้อ 2 มีอยู่ครั้งนึงคุณหมอท่านนึง ให้ผมทำ echo หัวใจ ปรากฏพบ เป็นลิ้นหัวใจหย่อน MVP ทำให้มีผลเรื่องใจเต้นแรงบ้าง แต่ผมลองไปพบหมออีกท่าน ทำ echo เหมือนกัน แต่ไม่พบว่าเป็น MVP ครับ 

4. กลางคืน บางคืน รู้สึกตัวกลางดึก รับรู้ได้ว่าเหมือนหัวใจเต้นแรง เต้นช้าสลับเร็ว ช้าสลับเร็ว ประมาณ 2 รอบ ช่วงที่เป็น ไม่เกิน 5 วินาที แล้วก็หายไป คืนนั้นก็ไม่เป็นอีก บางช่วงก็จะเป็นแบบนี้บ่อยเกือบทุกคืน บางช่วงก็เว้นไปไม่เป็นหลายเดือน ครับ

5. เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ผมตื่นนอนลุกจากเตียง แล้วมีอาการวูบหมดสติ แต่เป็นแปปเดียว ไม่ถึงนาที ก็ได้สติ เลยไปพบแพทย์ ตรวจ EKG ทำ Echo เจาะเลือดตรวจความบกพร่องของหลอดเลือด ผลปกติดี (คุณหมอท่านนี้ก็ไม่พบ MVP) ครับ

6. วันที่ 5/6/65 ผมไปไดร์ฟกอล์ฟ พอเริ่มรู้สึกเหนื่อย ใจเต้นแรงตามปกติของการออกกำลังกาย ชีพจร ประมาณ 100 แต่จู่ๆ รู้สึกว่าจังหวะการเต้นหัวใจมันสะดุด อธิบายเหมือนจังหวะดนตรี 4/4 เต้นไปเรื่อยๆ แต่มีบางโน๊ต หายไป แทนที่จะเป็น 4/4 แต่เป็น 3/4 ..เหมือนมันหายไปจังหวะนึง เป็นแบบนี้ประมาณ 2 รอบ ช่วงห่างกันพอสมควร แต่ก็ไม่มีอาการอย่างอื่น เพียงแต่รู้สึกกังวล ทำให้เหมือนหวิวๆ เลยหยุดพักสักครู่ แล้วลุกไปตีต่อ แต่ก็เหมือนเป็นอีก จึงหยุดตี ครับ

7. ล่าสุดสัปดาห์ถัดมาจากข้อ 6 เมื่อวันที่ 11/6/65 ตีไปเข้าถาดที่สาม ก็มีอาการแบบเดิมอีก คราวนี้เลยหยุดเล่น แล้วกลับบ้าน แต่ก็ไม่มีอาการอีกครับ 

8. นึกขึ้นได้ อาการ แบบข้อ 6,7 เคยเป็นตอนนั่งเฉยๆ อยู่สองครั้ง แต่ความรู้สึกไม่แรงเท่า ครับ

คำถามครับ

A. จากข้อ 6 กับ 7 ผมเป็นอะไรครับ ร้ายแรงมั้ย ต้องทำอย่างไรต่อครับ

B. อาการที่เล่ามาจาก ข้อ 4 – 7 เป็นอาการที่เกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ครับ แล้วมันออกไปทางร้ายแรงขึ้นหรือเปล่าครับ หรือ หากไม่ใช่อาการที่เกี่ยวเนื่องกัน รบกวนคุณหมอช่วยแยกแยะอาการ วิธีการรักษา การปฎิบัติตัวต่อจากนี้ให้ด้วยครับ

C. ผมจะออกกำลังกายได้มั้ย แบบไหนได้บ้างครับ

สุดท้ายผมหวังว่าคุณหมอจะได้อ่านและกรุณาตอบคำถามหรือให้ข้อเสนอแนะด้วยครับ 

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

………………………………………………………

ตอบครับ

สรุปปัญหาของคุณในเชิงการแพทย์ (Problems List) ก็คือ (1) ไขมันในเลือดสูง (2) โรคกลัวเกินเหตุ (panic disorder (3) มีอาการวูบหมดสติ (syncope) โดยไม่ทราบสาเหตุ

เอ้า มาตอบคำถาม

1.. ถามว่าอาการวูบหมดสติเป็นโรคอะไร ตอบว่าไม่ทราบครับ ทราบแต่ว่าไม่ได้มีสาเหตุจากหัวใจ ทั้งไม่มีหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งไม่มีหัวใจขาดเลือด ทั้งไม่มีหัวใจล้มเหลว ไม่มีหลักฐานว่าเกิดจากความผิดปกติของสมอง แต่มีความเป็นไปได้ (differential diagnosis) ที่จะเกิดจากความกลัว (panic) ความกังวล ความเครียด

2.. ถามว่าอาการทั้งหมดเกี่ยวข้องกันไหม ตอบว่าทั้งอาการใจสั่น (palpitation) อาการหวิวๆ (lightheadedness) กับอาการวูบ (syncope) เกี่ยวข้องกันครับ โดยวิธีคิดของแพทย์จะต้องคิดว่ามันมาจากเหตุเดียวกันไว้ก่อน จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่

3.. ถามว่าแล้วจะออกกำลังกายได้ไหม ตอบว่าได้ครับ อาการทั้งหมดนั้นซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่าไม่เกี่ยวกับหัวใจ ไม่เกี่ยวกับสมอง สามารถออกกำลังกายได้เหมือนคนปกติครับ

ผมตอบคำถามคุณหมดแล้วนะ ขอขยายความนิดหนึ่งเพราะคุณเป็นวิศวกรย่อมจะอยากรู้ตรรกกะที่หมอใช้วินิจฉัยเขา

ทำไมผมจึงว่าอาการของคุณไม่ได้เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ ก็เพราะคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ส่งมาให้ทุกครั้ง ไม่แสดงว่ามีการเต้นผิดจังหวะ หลักฐานแค่นี้ก็พอแล้วในการวินิจฉัยชั้นต้น แต่ถ้ามีเหตุให้ไปชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ก็ค่อยไปหาหลักฐานเพิ่มเอาจากการติดตามดูการเต้นหัวใจ (Rhythm monitoring) จะด้วยวิธีใช้เครื่องมือที่เรียก Holter หรือใช้นาฬิกาวัดหัวใจก็ได้ แต่ผมยังมองไม่เห็นเหตุที่จะต้องไปทำเช่นนั้น

ทำไมผมจึงว่าอาการของคุณไม่ได้เกิดจากหัวใจขาดเลือด เพราะจากมุมมองของอาการวิทยา อาการของคุณเกิดขึ้นโดยไม่สัมพันธ์กับการออกแรง คือออกกำลังกายก็เป็น พักก็เป็น แบบนี้ไม่ใช่อาการของหัวใจขาดเลือด(stable angina) ซึ่งมักจะมาเมื่อต้องออกแรงมากเท่านั้น และยิ่งไม่ใช่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหัวใจขาดเลือด (acute MI) เพราะเมื่อเข้าโรงพยาบาลหลักฐานทั้งคลื่นไฟฟ้าหัวใจและทั้งเอ็นไซม์ของหัวใจไม่ได้บ่งชี้ว่าเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายขึ้น

ทำไมผมจึงว่าอาการของคุณไม่ได้เกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เพราะอาการมันไม่เหมือนนั่นอย่างหนึ่ง และผลการตรวจ Echo บ่งชี้ว่าทั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจและการเปิดปิดของลิ้นหัวใจปกติหมด ส่วนที่หมอท่านหนึ่งวินิจฉัยว่าเกิดลิ้นหัวใจไมทรัลแล่บ (MVP) นั้นเป็นการวินิจฉัยจากภาพการไหลย้อนกลับของเลือดนิดหนึ่งในจังหวะหัวใจห้องล่างซ้ายคลายตัว เป็นสิ่งที่พบได้ในคนทั่วไป ไม่สมควรนับเป็นเหตุของอาการใดๆ

ทำไมผมจึงว่าอาการของคุณไม่ได้เกิดจากเหตุในสมอง เพราะเหตุในสมองจะมาพร้อมกับอาการทางประสาทวิทยา รายละเอียดขอยกไว้ก่อนเพราะมันยาว เอาเป็นว่าคุณไม่มีอาการทางประสาทวิทยา (neurological symptom) ในชั้นต้นนี้จึงไม่ควรไปเพ่งเล็งอะไรที่สมอง

สรุปว่าตอนนี้เพ่งเล็งที่ panic disorder หรือโรคกลัวเกินเหตุ ให้คุณจัดการตัวเองไปทางนั้น ผมเคยเขียนเรื่อง panic disorder ไปแล้วหลายครั้ง คุณลองหาอ่านดูได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์