อาจารย์สันต์ที่เคารพ ตั้งแต่กลับจาก spiritual retreat ผมก็ยังติดตามบล็อกของอาจารย์เรื่อยมา แต่ผิดหวังที่ระยะหลังอาจารย์ไม่ตอบคำถามเรื่องจิตวิญญาณเลย ทำไมละครับ อีกอย่างผมมีคำถามหลายอย่างคาใจอยู่ (1)ความหลุดพันที่อาจารย์พูดถึงนั้น เมื่อหลุดพ้นแล้วมันจะเป็นอย่างไร (2) ผมยังมีเมียมีลูกอยู่ ผมจะหลุดพ้นได้ไหม (3) ผมจะไปเข้า spiritual retreat ที่อเมริกาใต้ ซึ่งใช้ Ayahuasca
อ่านต่อสวัสดีครับอาจารย์สันต์ ติดตามอาจารย์ในเรื่องจิตวิญญาณมานาน มาเข้าคอร์สของอาจารย์ตั้งแต่สมัยยังเป็น MBT ฝึกรู้ตัวตามแนวทางที่อาจารย์สอนมาหลายปี จนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหลุดจากทุกข์ได้แล้ว แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ คือมีเหตุให้หงุดหงิดกับคนที่แย่มากๆคนหนึ่ง จึงได้รู้ว่าตัวเองยังไม่ไปไหน เหมือนยังวนอยู่ที่เดิม ผมสงสัยเหลือเกิน ตรงไหนนะที่ทำให้ผมยังวนอยู่ที่เดิม ……………………………………………………… ตอบครับ จดหมายของคุณทำให้ผมนึกถึงพระภิกษุอเมริกันองค์หนึ่งซึ่งตัวท่านเองเล่าว่ามาบวชและธุดงค์ปฏิบัติธรรมในป่าเมืองไทยนานหลายปี จิตใจนิ่ง นั่งสมาธิได้ลึกเสียจนผึ้งมาเอาหนวดจะทำรังก็ยังนิ่ง ผึ้งไชเข้าไปในรูจมูกก็ยังนิ่ง คือนิ่งได้ระดับนั้น จึงคิดว่าตัวเองบรรลุความหลุดพ้นแล้ว
อ่านต่อจะผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว ก่อนอื่นขอขอบคุณแฟนๆที่ติดตามอ่านบทความของหมอสันต์มาด้วยดี (โดยปราศจากความรุนแรง หิ หิ) ผมเขียนบล็อกมาราวสิบสองปีแล้ว เขียนไป 1,794 บทความ มีคนเข้ามาอ่านแล้วประมาณ 30 ล้านครั้ง เท่าที่เขียนมามีปัญหาสามอย่างคือ (1)
อ่านต่อบึงเล็กท้ายสวนของเวลเนสวีแคร์..ที่รอการพัฒนา ตั้งแต่คบเพื่อนแขก หมายถึงเพื่อนชาวอินเดีย เดี๋ยวนี้หมอสันต์นิยมแขกมากขึ้น เช่น หลักโภชนาการบอกว่าต้องสร้างความหลากหลายให้อาหาร ตัวบอกความหลากหลายคือสี รสชาติ และฤดูกาล หมอสันต์ก็เสาะหาเครื่องเทศรสชาติใหม่ๆมาใส่อาหารให้หลากหลายขึ้น ทั้งรสฝรั่ง รสแม็กซิกัน รสเกาหลี แต่ท้ายที่สุดก็มาติดใจที่รสแขก ทำให้ลูกค้าเวลเนสวีแคร์พลอยต้องมีเมนูอาหารรสแขกๆไปด้วย หรือเช่นสมัยก่อนหมอสันต์ฟังพังเพยไทยที่ว่า
อ่านต่อช่วงนี้อากาศที่มวกเหล็กเย็นสบายดีมาก มีบันทึกเผยแพร่ประสบการณ์จริงจากสมาชิกของแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเองท่านหนึ่ง ซึ่งผมเห็นว่าจะมีประโยชน์มากกับแฟนๆบล็อกที่เป็นโรคหัวใจระดับเป็นมากแล้ว จึงเอามาบอกเล่าต่อ ที่ผมชอบมากคือแม้จะอายุเจ็ดสิบแล้วแต่ก็ยังสร้างอิสรภาพให้ตัวเองในเรื่องอาหาร ทำอาหารทานเอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร ขอขอบพระคุณเจ้าตัวที่กรุณาให้เผยแพร่เรื่องของตัวเองเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ ………………………………….. “..ผม สมชาย โพธิวิชยานนท์ ครับ เคยทำงานเป็นผู้จัดการโครงการพิเศษในเครือบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ตอนนี้ อายุ
อ่านต่อลูกเป็ดออโตมาตรอนรุ่นเก๋า เรียนคุณหมอสันต์ ผมอยากจะเลิกอยากจะปล่อยวางความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆแต่ก็ทำไมได้ ชีวิตจึงวนเวียนอยู่ในความกังวล พยายามจะหยุดคิดก็ไม่สำเร็จ ควรทำอย่างไรดี ผมเป็นคนกิเลสหนาแต่ตัดกิเลสไม่ขาด อยากจะไปศึกษาเรียนรู้วิธีปฏิบัติธรรมตามวัดก็ไม่มีเวลาเสียแล้ว ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี เพราะร่างกายก็อาจจะป่วยเกินจุดที่จะกลับมาใช้การได้อีกแล้ว ถ้าร่างกายอ่อนแอเกินกว่าที่จะกลับมาใช้การได้อีกแล้ว ผมจะทำอย่างไรกับร่างกายดี เมื่อถึงเวลาตายผมอยากจะตายแบบพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่สามารถเข้ารูปฌาณ อรูปฌาณ ได้ ก็คงจะหมดโอกาสที่จะไปนิพพานใช่ไหมครับ ถ้าเข้าฌาณไม่เป็นผมควรจะตายอย่างไรดี ……………………………………………….. ตอบครับ
อ่านต่อ(หมอสันต์พูดแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนผู้แสวงหาด้วยกัน เห็นว่าอาจมีประโยชน์ จึงเอามาเขียนไว้ให้ท่านผู้สนใจได้อ่าน) วิธีที่จะรู้จักชีวิต “การจะรู้จักชีวิต ไม่ใช่ด้วยการผ่าศพดูร่างกายให้ละเอียดไปทีละอวัยวะ หรือด้วยการคิดคาดเอาตามตรรกะและเหตุผล เพราะร่างกายก็มีแต่เซลที่ผลัดกันเกิดผลัดกันตายตลอดเวลา ความคิดก็เป็นเพียงการรีไซเคิลข้อมูลเก่าที่เราเคยรับเข้ามา มันจะพารู้จักชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนได้อย่างไร วิธีคิดอย่างตรรกะเป็นเหตุเป็นผลหรือวิธีที่เรียกกันว่าวิทยาศาสตร์นั้นไม่ใช่วิธีที่จะพาคุณไปรู้จักชีวิตให้ได้มากกว่านี้เพราะวิทยาศาสตร์เป็นเพียงรูปแบบของการคิดหรือเป็นเพียงระบบความเชื่ออย่างหนึ่งแค่นั้นเอง การจะรู้จักชีวิตให้มากกว่าที่เรารู้จักอยู่ตอนนี้มีวิธีเดียว คือคุณต้องทำให้การรับรู้หรือ perception ของคุณแหลมคมขึ้น ถ้าคุณทำให้มันแหลมคมขึ้นและเปิดมันรับข้อมูลเต็มๆ
อ่านต่อ