ปรึกษาหมอ

การโกนขนอวัยวะเพศ (pubic hair)

 เรียน คุณหมอที่เคารพ
ตอนนี้ผมเพิ่งแต่งงานและกำลังมีปัญหากับภรรยา คือผมอยากให้ภรรยาโกนขนอวัยวะเพศออก หรือถ้าจะมีก็มีให้น้อยที่สุด เพราะผมมองว่ามันดูน่าขยะแขยง ทำความสะอาดยาก และทำให้เกิดกลิ่นโดยเฉพาะเวลาที่ทำออรัลให้ภรรยา  แต่ภรรยาผมไม่ยอม เพราะมีความเชื่อมาจากสมัยเรียนเพศศึกษาตอนมัธยมว่า ขนอวัยวะเพศเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ช่วยป้องกันเชื่อโรคเข้าสู่ช่องคลอดได้ และช่วยลดแรงเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์ และที่สำคัญไม่มีใครเขาโกนกัน
ซึ่งผมมองว่าไม่จริงเลย มันจะป้องกันเชื้อโรคอะไรได้ มันจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคมากว่า แล้วขณะร่วมเพศมันก็ไม่ได้เสียดสีอะไรในบริเวณนั้นมากมาย  แล้วของภรรยาผมก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร ไม่เห็นจะต้องกังวลเรื่องโกนออกเลย  หรือ ถ้ากลัวขนที่ขึ้นมาแข็ง จะใช้ครีมกำจัดขน  ทำ bikini wax หรือ ยิงเลเซอร์ก็ได้ ผมพร้อมจ่ายเงินให้ไปทำ
ผมสังเกตว่าแล้วผู้หญิงทางฝั่งเอเซีย ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี จะชอบไว้ขนอวัยวะเพศยาว จนเป็นค่านิยมว่า ใครโกนออกจะดูแปลกประหลาด  เหมือนผู้ชายโกนขนรักแร้ ซึ่งผู้หญิงจะมองว่าไม่แมน ประมาณนั้น  ในขณะที่ทางตะวันตก ผู้หญิงฝรั่งซึ่งเป็นเมืองหนาว กลับชอบแบบเกลี้ยงๆ หรือจะมีก็เล็กน้อยพองาม
จึงรบกวนถามคุณหมอว่าในทางการแพทย์ การโกนขนอวัยวะเพศผู้หญิง มันไม่ดีจริงๆ หรือครับ
ขอบคุณครับ
………………………………………………….

     เมื่อใดก็ตามที่ผมหยิบจดหมายแนว “ขี้หมา” แบบนี้ขึ้นมาตอบ ท่านผู้อ่านคงเดาได้ว่าวันนี้หมอสันต์คงจะหมดเรี่ยวหมดแรงจากอะไรสักอย่าง ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกครับ เพราะผมเพิ่งกลับจากไปสอนเฮลท์แค้มป์ให้ผู้เกษียณอายุของบริษัทวิทยุการบินไทยที่สวนสามพรานนานสามวัน เสร็จเอาเที่ยงวันศุกร์ แล้วก็ต้องห้อขึ้นไปเขาใหญ่เพื่อไปบรรยายเรื่องการดูแลสุขภาพในการประชุมของบริษัทเชฟรอนที่โรงแรมโรแมนติกในเย็นวันเดียวกัน ถึงตอนนี้ยังไม่หายเมารถโตโยต้าของตัวเองเลยครับ จึงต้องหยิบจดหมายไร้สาระขึ้นมาแก้ขัดก่อน
     1.. ถามว่าในทางการแพทย์ การโกนขนอวัยวะเพศดีหรือไม่ดี ตอบว่าสมัยก่อนวงการแพทย์ถือว่าเรื่องขนในที่ลับนี้ ขนของใคร ก็ขนของมัน ใครอยากจะโกน..ก็เชิญโกนให้เกลี้ยง ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่าธุรกิจกำจัดขนในที่ลับนี้ไม่ใช่เรื่องขี้ไก่นะครับท่านผู้อ่าน เพราะเฉพาะในสหรัฐฯประเทศเดียวเป็นธุรกิจที่มีวงเงินถึง 2.1 พันล้านเหรียญ ในประเทศอังกฤษก็ใช้เงินมากพอๆกันทั้งๆที่เป็นประเทศเล็กกว่ามาก โดยมีดาราไร้ขนในชุดบิกินีและดาราคลิปโป้ในอินเตอร์เน็ทเป็นตัวชักนำ แล้วธรรมชาติของวงการแพทย์นี้ยึดมั่นในหลักการอันหนึ่งว่า ถ้าเห็นใครเขาจะหามหมู ห้ามเอาคานเข้าไปสอดเด็ดขาด ไม่งั้นอาจโดนคานแพ่นกะบาลเอาได้
     จนกระทั่งเมื่อต้นปีนี้ (2013) ได้มีหมอที่ฝรั่งเศสสามขนเขียนจดหมายไปหาบก.วารสารโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  (Sex Transm Infect) ว่าพวกเขาได้วิเคราะห์คนไข้ที่เป็นโรคหูดข้าวสุก  (molluscum contagiosum) ของเขาจำนวน 30 คน พบว่า 93% ของคนไข้พวกนี้โกนขนที่อวัยวะเพศเกลี้ยง โดยใช้วิธีโกนด้วยมีด 70% (หมายถึงมีดโกนนะ ไม่ใช่มีดอีโต้) ที่เหลือใช้วิธีใช้กรรไกรตัด (clip) 13% และใช้วิธีแวกซ์ออก 10% พวกหมอสามคนนี้ได้เสนอความเห็น  ( ความเห็น.. ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจากงานวิจัยนะ) ด้วยว่าการกำจัดขนในที่ลับเนี่ยแหละทำให้เกิดการติดเชื้อหูดข้าวสุกมากขึ้น เพราะการโกนขนทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนัง ทำให้ไวรัสหูดข้าวสุกบุกรุกเข้าไปได้โดยง่าย นี่เป็นหลักฐานเดียวที่บอกว่าการโกนขนในที่ลับไม่ดี แต่เป็นหลักฐานระดับต่ำ เพราะเป็นเพียงการตามดูกลุ่มคน ไม่ได้วิจัยแบบสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ จึงเชื่อถือได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
      ความจริงก่อนหน้านั้นประมาณกลางปีที่แล้ว ก็มีหมอผู้หญิงที่อังกฤษคนหนึ่ง ชื่อเอมิลี่ จิ๊บสัน (Emily Gibson) เธอเป็นหมอประจำครอบครัวแบบผมเนี่ยแหละ เธอเปิดฉากโวยวายเรียกร้องให้วงการแพทย์ต่อต้านการกำจัดขนในที่ลับโดยการเปิดให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ The Independent ว่าจากประสบการณ์ของเธอเองในการดูแลคนไข้พบว่าคนไข้ที่โกนขนในที่ลับติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่นหูดข้าวสุก และเริม (herpes) เนื้ออักเสบ (cellulitis) และโคนขนอักเสบ (furunculosis) มากผิดสังเกต แต่ว่าการอ้างประสบการณ์คนไข้โดยไม่มีรายงานผลการตรวจวัดติดตามอย่างนี้ทางการแพทย์ถือเป็นเพียงเรื่องเล่าไม่ใช่หลักฐานวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด
     2.. หลักฐานทางการแพทย์ที่แน่ชัดแล้ว คือการโกนผิวหนังที่จะผ่าตัดทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังหลังการผ่าตัดมากขึ้น ทำให้มาตรฐานการเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัดทั่วโลกในปัจจุบันนี้ไม่มีการโกนผิวหนังอีกต่อไปแล้ว ถ้าขนมันรกรุงรังจนหาที่ลงมีดผ่าตัดไม่ได้ ก็จะใช้วิธีเล็มให้ขนสั้นลง ไม่โกน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่เป็นผลจากการโกนนั่นเอง  

     3.. ทัศนะคติของคุณที่ว่าชิ้นส่วนของร่างกายบางชิ้นส่วนนั้นไม่จำเป็นหรอก เอาออกไปทิ้งเสียก็ได้ อันนี้ไม่ค่อยถูกต้องนะครับ มันเป็นทัศนะคติแบบ “ฝรั่งทำเกิน” ซึ่งเป็นวิธีคิดของช่างไทย หรือถ้าจะพูดให้เจาะจงก็คือช่างประเภท “ช่างเถอะ” ที่ซ่อมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ที่ฝรั่งทำมาขาย ตอนเริ่มซ่อมก็แกะเอาน็อตเอาแหวนออกมาวางเกลื่อนพื้น แต่พอตอนใส่กลับ ใส่ได้ไม่หมด จนปิดฝาเครื่องเสร็จแล้วก็ยังมีน็อตมีแหวนเหลืออยู่ทั้งๆที่ตัวเองก็เห็นว่าได้ใส่น็อตใส่แหวนตัวสำคัญไปหมดแล้ว จึงสรุปดื้อๆว่าน็อตและแหวนที่เหลืออยู่นั้นฝรั่งทำเกินมา ไม่ต้องใส่กลับเข้าไปก็ได้
      ร่างกายของมนุษย์เหมือนอุปกรณ์ที่ฝรั่งทำมาขาย โอกาสที่จะทำเกินมาจริงมีน้อย แต่โอกาสที่เราคิดว่าทำเกินมาเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะมีมากกว่า อย่างเช่นขนของมนุษย์เรานี้ ไม่ว่าจะเป็นขนในที่ลับหรือที่แจ้ง หน้าที่ของเขาก็มี เช่น

3.1 ป้องกันขี้ฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมมุดเข้ามาง่ายๆ ซึ่งจำเป็นมากในยุคที่มนุษย์ยังไม่มี กกน.

3.2  ช่วยควบคุมอุณหภูมิแก่อวัยวะ ไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงพรวดพราด

3.3. ลดแรงกระแทกให้ฟกช้ำแตกหัก และลดแรงเฉือนที่จะมาก่อเหตุให้ถลอกปอกเปิก

3.4 ปกป้องอวัยวะให้คงความไวต่อความรู้สึกไว้ได้ โดยไม่ให้มีสิ่งกระตุ้นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่ของอวัยวะนั้นมากระตุ้นได้อย่างพร่ำเพรื่อ
     ดังนั้นอย่าเอะอะก็กำจัดทิ้งตะพึด ข้อดีเขาก็มีเหมือนกัน
     4.. การกำจัดขนในที่ลับเนี่ยมันไม่ใช่ง่ายนะครับ เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีโกน ด้วยมีดโบราณ มีดไฟฟ้า เลเซอร์ แวกซ์ หรือเอาไฟฟ้าเผารากขน  (electrolysis) ท้ายที่สุดขนในที่ลับมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม ราวกับหญ้าแพรกที่ไม่เคยหมดไปจากแผ่นดิน วิธีกำจัดขนที่ได้ผลถาวร 100% นั้นไม่มี (นอกจากความแก่ที่ทำให้คนหัวล้าน อันนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน) คุณบอกให้แฟนไปโกนขนทิ้งซะ คุณรู้ไหมว่าเธอต้องโกนทุกสามวัน ไม่งั้นตอขนจะแข็งแบบขนเม่นและจะทิ่มจะตำฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นเรื่องไม่สนุกเลย การต้องมานั่งโกนขนทุกบ่อยก็ไม่สนุกเท่าไหร่ บางครั้งก็ถึงเลือดตกยากออก เขียนถึงตรงนี้ผมมีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังนะ นานมาแล้วสมัยผมทำงานเป็นหมอชนบทอยู่ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคนไข้เป็นหนุ่มตังเกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บโดนกรรไกรตัดผิวหนังแถวทวารหนักเลือดไหลโกร๊กๆไม่หยุด มาให้ผมรักษา เมื่อซักประวัติว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่ามันเริ่มจากเขาโกนขนอวัยวะเพศเพื่อกำจัดโลน  (lice) สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่ยังไร้เดียงสาอยู่ โลนก็คือแมลงตัวเล็กที่เมื่อสิงอยู่ที่ขนอวัยวะเพศแล้วจะก่ออาการคันอย่าบอกใครเชียว เมื่อเขาโกนขนอวัยวะเพศรอบแรก เมื่อโลนไม่มีที่อยู่มันก็อพยพไปอาศัยขนที่ทวารหนักอยู่ อาการคันของเขาก็ย้ายจากอวัยวะเพศไปอยู่ที่ก้นแทน แต่ว่าผิวหนังรอบทวารหนักของคนเรานี้มันยับยู่ยี่จะใช้มีดไปโกนไม่ได้หรอก เขาก็เลยใช้กรรไกรตัดขนทวารหนักแทน ผมถามเขาว่าเขามีวิธีตัดอย่างไร เขาบอกว่าเขาก้มมองลอดหว่างขาของตัวเอง ใช้มือหนึ่งถือกระจกเงาส่องให้เห็นภาพขนทวารหนักชัดๆ แล้วอีกมือหนึ่งถือกรรไกรตัดขนทวารหนัก 

     แต่ว่าเจ้าหนุ่มตังเกรู้แต่วิชาหาปลา ไม่รู้วิชาสถาปัตยกรรม เขาไม่เข้าใจว่าภาพในกระจกนั้นมันเป็นภาพกลับข้าง คือซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้าย เขาตั้งใจจะเอียงกรรไกรออก มันกลายเป็นเอียงเข้า แล้วเขาก็ตัด ฉับ…จ๊าก..ก
     ตะแล้น..ตะแล้น..ตะแล้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1.      DesruellesF, CunninghamSA, DuboisD. Pubic hair removal: a risk factor for ‘minor’ STI such as molluscum contagiosum? Sex Transm Infect 2013;89:216 doi:10.1136/sextrans-2012-050982
2.      The Independent. Physician calls for an end to bikini waxing. Accessed on August 24, 2013 at http://www.independent.co.uk/life-style/health-and-families/health-news/physician-calls-for-an-end-to-bikini-waxing-8008628.html